ชนิดของคอมพิวเตอร์
             

[ไมโครคอมพิวเตอร์1] [สถานีวิศวกรรม] [มินิคอมพิวเตอร์] [เมนเฟรมคอมพิวเตอร์] [ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์]

              พัฒนาการทางคอมพิวเตอร์ได้ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง จากอดีตเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ทีใช้หลอดสุญญากาศ ขนาดใหญ่ ใช้พลังงานไฟฟ้ามาก และอายุการใช้งานต่ำ เปลี่ยนมาใช้ทรานซิสเตอร์ ที่ทำจากชิ้นซิลิกอนเล็ก ๆ ใช้พลังงานไฟฟ้าต่ำ และผลิตได้จำนวนมาก ราคาถูก ต่อมาสามารถสร้างทรานซิสเตอร์จำนวนหลายแสนตัวบรรจุบนชิ้นซิลิกอนเล็ก ๆ เป็นวงจรรวม ทีเรียกว่า ไมโครชิป (microchip) และใช้ไมโครชิปเป็นชิ้นส่วนหลักที่ประกอบอยู่ในคอมพิวเตอร์ ทำให้ขนาดของคอมพิวเตอร์เล็กลง
              ไมโครชิปที่มีขนาดเล็กนี้สามารถทำงานได้หลายหน้าที่ เช่น ทำหน้าทีเป็นหน่วยความจำสำหรับเก็บข้อมูล ทำหน้าทีเป็นหน่วยควบคุมอุปกรณ์รับเข้าและส่งออก หรือทำหน้าทีเป็นหน่วยประมวลผลกลาง ที่เรียกว่า ไมโครโพรเซสเซอร์

            ไมโครโพรเซสเซอร์ หมายถึง หน่วยงานหลักในการคิดคำนวณ การบวก ลบ คูณ หาร การเปรียบเทียบ การดำเนินการทางตรรกะ ตลอดจนการสั่งการคลื่อนข้อมูลจากทีหนึ่งไปยังอีกทีหนึ่ง หน่วยประมวลลกลางนี้ เรียกอีกอย่างว่า ซีพียู  (Central Processing Unit : CPU)

ภาพ ไมโครโปรเซสเซอร์

                  การพัฒนาไมโครชิปที่ทำหน้าที่เป็นไมโครโปรเซสเซอร์มีการกระทำอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีคอมพิวเตอร์ รุ่นใหม่ๆ ที่ดีกว่า เกิดขึ้นเสมอ จึงเป็นการยากที่จะจำแนกชนิดของคอมพิวเตอร์ออกมาอย่างชัดเจน เพราะเทคโนโลยีได้พัฒนาอย่างรวดเร็ว ขีดความสามรถของคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กอาจมีประสิทธิภาพสูงกว่าคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ แต่อย่างไรก็ตามพอจะจำแนกชนิดคอมพิวเตอร์ตามสภาพการทำงานของระบบเทคโนโลยีที่ประกอบอยู่และสภาพการใช้งานได้ดังนี้


ไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer)
             

                ไมโครคอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็ก บางคนเห็นว่าเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งาน ส่วนบุคคล จึงมีการเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า พีซี (Personal Computer : PC) สามารถใช้เป็นเครื่องต่อเชื่อมในเครือข่าย หรือใช้เป็นเครื่องปลายทาง (terminal) ซึ่งอาจจะทำหน้าที่เป็นเพียงอุปกรณ์รับและแสดงผลสำหรับป้อนข้อมูล และดูผลลัพธ์ โดยดำเนินการประมวลผลบนเครื่องอื่นในเครือข่าย
                 อาจจะกล่าวได้ว่าไมโครคอมพิวเตอร์ คือเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีหน่วยประมวลผลกลาง เป็นไมโครโพรเซสเซอร์ ใช้งานง่าย ทำงานในลักษณะส่วนบุคคล สามารถแบ่งแยกไมโครคอมพิวเตอร์ ตามขนาดของเครื่องได้ดังนี้

            
คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ (desktop computer)  

       เป็นไมโครอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กถูกออกแบบมาให้ตั้งบนโต๊ะ มีการแยกชิ้นส่วนประกอบ เช่น ซีพียู จอภาพ และแผงแป้นอักขระ

           โน้ตบุ๊คคอมพิวเตอร์ (notebook computer)

 เป็นไมโครคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็ก สามารถหิ้วพกพาไปในที่ต่าง ๆ ได้เหมือนกระเป๋า มีน้ำหนักประมาณ 1.5 - 3 กิโลกรัม เครื่องคอมพิวเตอร์ประเภทนี้มีประสิทธิภาพการทำงานเหมือนเครื่องแบบตั้งโต๊ะ ทั่วไป จอภาพแสดงผลเป็นแบบเรียบ
ปาล์มท็อปคอมพิวเตอร์ (palmtop computer)

         เป็นไมโครคอมพิวเตอร์แบบพกพาที่มีขนาดเล็กสามารถ
ใส่กระเป๋าเสื้อได้ ใช้สำหรับทำงานเฉพาะอย่าง เช่น เป็นพจนานุกรม เป็นสมุดจดบันทึกประจำวัน บันทึกการนัดหมายและการเก็บข้อมูลเฉพาะบางอย่าง ที่สามารถพกติดตัวไปได้สะดวก

 

สถานีงานวิศวกรรม (engineering workstation)
             

               ผู้ใช้สถานีงานวิศวกรรมส่วนใหญเป็นวิศวกร นักวิทยาศาสตร์ สถาปนิก และนักออกแบบ สถานีวิศวกรรมมีจุดเด่นในรื่องกราฟิก การสร้างรูปภาพและการทำภาพเคลื่อนไหว การเชื่อมโยงสถานีงานวิศวกรรมรวมกันเป็นเครือข่ายทำให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล และใช้งานร่วมกันอย่าง มีประสิทธิภาพ
             บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์หลายบริษัทได้พัฒนาซอฟต์แวร์สำเร็จสำหรับใช้กับสถานีงานวิศวกรรมขึ้น เช่น โปรแกรมการจัดทำต้นฉบับหนังสือ การออกแบบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ งานจำลองและคำนวณทางวิทยาศาสตร์ งานออกแบบทางด้านวิศวกรรม และการควบคุมเครื่องจักร

             การซื้อสถานีงานวิศวกรรมต่างจากการซื้อเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ เพราะไมโครคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องสามารถใช้โปรแกรมสำเร็จ สำหรับไมโครคอมพิวเตอร์ได้ และมีลักษณะการใช้งานเหมือนกัน ส่วนการซื้อ สถานีงานวิศวกรรมนั้นยุ่งยากกว่าเพราะสถานีงานวิศวกรรมมีราคาแพงกว่าไมโคคอมพิวเตอร์มาก การใช้งาน ก็ต้องการบุคลากรที่มีการฝึกหัดมาอย่างดี หรือต้องใช้เวลาเรียนรู้อย่างมาก
             สถานีงานวิศวกรรมส่วนใหญใช้ระบบปฎิบัติการยูนิกซ์ ประสิทธิภาพของซีพียูของระบบ อยู่ในช่วง 50-100 ล้านคำสั่งต่อวินาที (Million Instruction Per Second : MIPS) อย่างไรก็ตามหลังจากที่ใช้ซีพียูแบบริสก์ (Reduced Instruction Set Computer :RISC) ก็สามารถเพิ่มขีดความสามารถเชิงคำนวณวามสามารถคำนวณได้มากกว่า 100 ล้านคำสั่งต่อวินาที



มินิคอมพิวเตอร์ (mini computer)
             

         มินิคอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องที่สามารถใช้งานพร้อม ๆ กันได้หลายคน จึงมีเครื่อง ปลายทางต่อได้ มินิคอมพิวเตอร์เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีราคาสูงกว่าสถานีงานวิศวกรรม นำมาใช้สำหรับประมวลผลในงานสารสนเทศขององค์กรขนาดกลาง จนถึงองค์กรขนาดใหญที่มีการ วางระบบเป็นเครือข่ายเพื่อใช้งานร่วมกัน เช่น งานบัญชีและการเงิน งานออกแบบ ทางวิศวกรรม งานควบคุมการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม
             มินิคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขององค์กรที่เรียกว่า เครื่องให้บริการ (server) มีหน้าที่ให้บริการกับผู้ใช้บริการ (client) เช่น ให้บริการแฟ้มข้อมูล ให้บริการข้อมูล ให้บริการช่วยในการคำนวณ และการสื่อสาร

 

 



เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (mainframe computer)
             
     เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ เเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่มีการพัฒนามาตั้งแต่เริ่มแรก
เหตุที่เรียกว่า เมนเฟรมคอมพิวเตอร์เพราะตัวเครื่องประกอบด้วยตู้ขนาดใหญ่ที่ภายในตู้มีชิ้นส่วนและ
อุปกร์ต่าง ๆ อยู่เป็นจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเมนเฟรมคอมพิวเตอร์มีขนาดลดลงมาก

                  เมนเฟรมเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีราคาสูงมาก มักอยู่ที่ศูนย์คอมพิวเตอร์หลักขององค์กร และต้อง
อยู่ในห้องที่มีการควบคุอุณหภูมิและมีการดูแลรักษาเป็นอย่างดี
                  บริษัทผู้ผลิตเมนเฟรมได้พัฒนาขีดความสามารถของเครื่องให้สูงขึ้น ข้อเด่นของการใช้เมนเฟรม
อยู่ที่งานที่ต้องการให้มีระบบศูนย์กลาง และกระจายการใช้งานไปเป็นจำนวนมาก เช่น ระบบเอทีเอ็ม ซึ่งเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลที่จัดการโดยเครื่องเมนเฟรม อย่างไรก็ตามขนาดของเมนเฟรมและมินิคอมพิวเตอร์ก็ยากที่จะจำแนกจากกันให้ชัดเจนได้
                  ปัจจุบันเมนเฟรมได้รับความนิยมน้อยลง ทั้งนี้เพราะคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กมีประสิทธิภาพและ
ความสามารถดีขึ้น ราคาถูกลง ขณะเดียวกันระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ก็ดีขึ้นจนทำให้การใช้งาน
บนเครือข่ายกระทำได้เหมือนการใช้งานบนเมนเฟรม  
ซููเปอร์คอมพิวเตอร์ (super computer)
             

           ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ และคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่หมาะกับงานคำนวณที่ต้องมีการคำนวณตัวเลขจำนวนหลายล้านตัวภายในเวลาอันรวดเร็ว เช่น งานพยากรณ์อากาศ ที่ต้องนำข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับอากาศทั้งระดับภาคพื้นดิน และระดับชั้นบรรยากาศเพื่อดูการเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแปลงของอากาศ งานนี้จำเป็นต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะสูงมาก นอกจากนี้มีงานอีกเป็นจำนวนมากที่ต้องใช้ ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ซึ่งมีความเร็วสูง เช่น งานควบคุมขีปนาวุธ งานควบคุมทางอวกาศ งานประมวลผลภาพ ทางการแพทย์ งานด้านวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะทางด้านเคมี เภสัชวิทยา และงานด้านวิศวกรรมการออกแบบ
             ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทำงานได้เร็ว และมีประสิทธิภาพสูงกว่าคอมพิวเตอรชนิดอื่น ๆ การที่\ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทำงานได้เร็ว เพราะมีการพัฒนาให้มีโครงสร้างการคำนวณพิเศษ เช่น การคำนวณแบบขนานเรียกว่า เอ็มพีพี (Massively Parallel Processing : MPP) ซึ่งเป็นการคำนวณที่กระทำกับข้อมูลหลาย ๆ ตัว ในเวลาเดียวกัน


 


ที่มา : http://www.school.net.th/library/
http://www.chakkham.ac.th/
http://www.piacec.moe.go.th
หนังสือเรียนสาระการเรียนรู้พื้นฐาน เทคโนโลยีสารสนเทศ ช่วงชั้นที่ 4 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 ของ สสวท

   
   

 


เว็บไซต์นี้แสดงผลได้ดี  บนความละเอียด  800x600  Text Size Medium
เว็บไซต์นี้จัดทำเพื่อใช้ประกอบการเรียนการสอนวิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี 42 (คอมพิวเตอร์)